วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

Containerization

Bulk Cargo คือ สินค้าทั่วไปที่ไม่สามารถจัดก็บเป็นหีบห่อได้ ส ซึ่งประกอบด้วย สินค้าแห้ง (Dry Bulk) และสินค้าเหลว (Liquid Bulk) ♘ สินค้าหีบห่อ หรือสินค้าเทกองหรือรวมกอง
www.patarapong-logistics.com/news_inside.php?news=28


Claused bill  การเรียกเก็บเงิน  http://www.google.com/
                     ใบตราส่งชนิดที่มีเงื่อนไข ซึ่งทางบริษัทเรือจะออกให้ตามคำบันทึกของกัปตันเรือ
http://www.tice.ac.th/Online/Online2-2548/bussiness/apinya/page2_7.htm


Charter        นาม กฎบัตร สัญญาเช่า ธรรมนูญ กฎหมาย ใบอนุญาตกรรมสิทธิ์ สิทธิพิเศษ
                    กริยา เหมา
http://www.google.com/


Broken Stowage พื้นที่ๆสูญเสียไปจากการจัดเรียง o Lashing –การที่นำเชือกมายึด Cargo ไว้เพื่อไม่ให้สินค้าหล่น เป็นการ Secure สินค้า.
thewanderor.blogspot.com/2008/08/it211-containerlize.html


ship broker  ผู้แทนของบริษัทเดินเรือ; นายหน้าซื้อขายเรือ; ผู้ทำการประกันภัยทางทะเล
http://guru.sanook.com/search/ship_broker/


Belly cargo การขนส่งทางช่อง
back freight = การส่งคืนสินค้ากลับต้นทาง
Ship’s master  ต้นแบบของเรือ
Partial shipment   การจัดส่งสินค้าบางส่วน
Cargo carrier    ผู้ให้บริการขนส่งสินค้า
Dangerous goods  สินค้าอันตรา
Demurrage   การจอดเรือเกินกำหนด เก็บค่าจอดเกินเวลา




 Less than container load(LCL)
ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าที่มีผู้ส่งและ/หรือผู้รับหลายรายใน
ตู้สินค้าเดียวกันซึ่งแต่ละรายจะมีสินค้าอยู่มากน้อยเท่าใดก็ได้
แต่สินค้าทั้งหมดจะถูกนำไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน
ความรับผิดชอบในการ บรรจุสินค้าในตู้สินค้าและ/ หรือนำสินค้า
ออกจากตู้สินค้าในลักษณะนี้จะอยู่กับผู้รับการขนส่งซึ่งส่วนใหญ่
่แล้วจะเป็นบริษัทเรือ บางครั้งในวงการเรือเรียกตู้สินค้าชนิดนี้ว่าเป็น
ตู้ CFS เพราะต้องมีการนำสินค้ามาผ่านโกดังจัดแยกชนิดสินค้า
ก่อนที่จะทำการบรรจุ ใส่ตู้สินค้าหรือ ส่งไปยังจุดหมายปลายทาง

FCL,Full Container Load 
ตู้สินค้าที่บรรจุสินค้าที่มีผู้ส่งและ/หรือผู้รับเป็นเจ้าของ
รายเดียว อยู่ในตู้สินค้าเดียวกัน ส่วนมากความรับผิดชอบในการบรรจุ
สินค้าในตู้สินค้า และ/หรือนำสินค้าออกจากตู้สินค้าจะอยู่กับผู้ส่ง
และ/หรือ
ผู้รับนั้นๆ  บางครั้งในวงการเรือเรียกตู้สินค้าขนิดนี้ว่าเป็นตู้
CY เพราะสามารถรับและ/หรือส่งตู้ชนิดนี้ได้โดยไม่ต้องผ่านโกดัง






http://www.licdsrt.ob.tc/container%20word.html


Bagged cargo  สินค้าบรรจุถุง
Deck cargo     สินค้าที่บรรทุกบนปากระวาง


                               

     


Border Trade

"1"COUNTER TRADEเคาน์เตอร์เทรด 
 หรือการค้าต่างตอบแทนคือ การที่ประเทศหนึ่งตกลงซื้อสินค้าจากอีกประเทศหนึ่ง เป็นการตอบแทนที่ประเทศนั้นซื้อสินค้าหรือบริการของตน การค้าต่างตอบแทนมีหลายวิธี แต่จะกล่าวถึงเฉพาะวิธีที่ไทยคุ้นเคยคือ
1.การแลกเปลี่ยนสินค้า (BARTER ) วิธีนี้เป็นวิธีขั้นปฐมคือ การใช้สินค้าแลกสินค้า หรือใช้สินค้าเป็นตัวชำระค่าสินค้า ที่ซื้อจากอีกประเทศหนึ่ง เช่น ประเทศ ก.ใช้น้ำมันแลกข้าว หรือใช้น้ำมันชำระค่าข้าว
2.การซื้อต่างตอบแทน (COUNTER PURCHASE) เป็นกรณีที่ผู้ขายสินค้าหรือบริการไปยังอีกประเทศหนึ่ง ตกลงที่จะซื้อสินค้าตามที่กำหนดจากประเทศที่ตนขายสินค้าหรือบริการ
3.การซื้อกลับ (Buyback) คือ กรณีที่ผู้ขายอุปกรณ์เครื่องจักรเครื่องมือที่ใช้ผลิตสินค้าตกลง ที่จะซื้อสินค้าที่ผลิตจากอุปกรณ์เครื่องจักรเครื่องมือที่ซื้อ จากตนเป็นการตอบแทน
4.ออฟเซท (OFFSET) เป็นการซื้อ-ขายที่ไม่ต้องใช้การชำระเงิน แต่ใช้การหักทอนบัญชีหรือหักกลบลบหนี้
การทำการค้าต่างตอบแทนมีจุดประสงค์หลักคือ เป็นการช่วยผลักดันการส่งออกสำหรับสินค้าที่ผลิตได้เกินความต้องการ หรือเป็นกรณีที่ประเทศผู้ซื้อขาดแคลนเงินตราต่างประเทศสกุลหลัก หรือเป็นกรณีที่มีปัญหาไม่สามารถทำการซื้อขายกันได้ ตามช่องทางตลาดปกติ
สำหรับประเทศไทย เริ่มมีความคิดที่จะนำระบบการค้าต่างตอบแทนมาใช้ผลักดันการส่งออกสินค้าบางรายการ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ผลผลิตล้นตลาดตั้งแต่ปี 2522 ระยะแรก นำระบบแลกเปลี่ยน BARTER TRADE มาใช้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
ต่อมาจึงหันมาใช้วิธีซื้อต่างตอบแทนเป็นหลัก มีการออกเป็นระเบียบปฏิบัติกำหนดให้ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่จะทำสัญญาซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศที่มีวงเงิน ตั้งแต่สามร้อยล้านบาทขึ้นไป ต้องมีข้อกำหนดให้ผู้ขายต้องซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเป็นการตอบแทนในอัตราที่กำหนด การซื้อสินค้าตอบแทน ไม่จำเป็นต้องซื้อเอง จะมอบหมายหรือหาผู้ซื้ออื่นมาซื้อก็ได้ ประเทศไทยหันกลับมาใช้วิธีการแลกเปลี่ยน อีกในปี 2548 ย้อนยุคยุ่งยากตามที่คุณวุฒิ สรา กล่าวไว้จริงๆ
ขณะนี้มีการประเมินกันแล้วว่า การค้าต่างตอบแทนทำให้ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น ไม่มีการซื้อตอบแทนจริง แต่มีการไม่สุจริต ใช้การซื้อใบเสร็จ หรืออินวอยซ์จากผู้ส่งออกตามทางการค้าปกติมาแสดง อาจกลายเป็นระบบที่เกิดใหม่ มีเฉพาะในประเทศไทย
คือ ระบบการซื้อใบเสร็จต่างตอบแทน
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q4/2006november06p6.htm

"2"Drawback คือ ข้อเสียเปรียบ
, in law in commerce, paying back a duty previously paid on exporting excisable articles or on re-exporting foreign goods. The object of a drawback is to let commodities which are subject to taxation be exported and sold in a foreign country on the same terms as goods from countries where they are untaxed. It differs from a bounty in that a bounty lets commodities be sold abroad at less than their cost price; it may occur, however, under certain conditions that giving a drawback has an effect equivalent to that of a bounty, as in the case of the so-called sugar bounties in Germany (see sugar). The earlier tariffs contained elaborate tables of the drawbacks allowed on exporting or re-exporting commodities, but so far as the United Kingdom is concerned (as of 1911) the system of bonded warehouses practically abolished drawbacks, as commodities can be warehoused (placed in bond) until needed for exportation.
In the United States, drawback is a U.S. law that allows exporters to recover duty paid for importations provided that the product is subsequently exported. It is considered a Customs privileged program. It is a cumbersome, time staking process that requires proof of exportation, and an impeccable audit trail to the original importation. Further, a Foreign-Trade Zone may be used to either expedite or avoid the drawback process. A Foreign-Trade Zone Admission in Zone Restricted status is considered the legal equivalent to an exportation in the eyes of the U.S. Customs & Border Protection.

"3"Foreign market value (FMV)  คือ มูบค่าต่างประเทศ  ที่มา http://www.google.com/

."4"Consumer durables       http://natwarin.blogspot.com/2011/09/border-trade.html
                ความคงทนของผู้บริโภค  คือ ในเศรษฐศาสตร์มีความทนทานดีหรือยากดีเป็นดีที่ไม่ได้สวมใส่ได้อย่างรวดเร็วออกหรือมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้สาธารณูปโภคในช่วงเวลาแทนที่จะสมบูรณ์บริโภคในการใช้งาน รายการเช่นอิฐหรือเครื่องประดับที่อาจจะพิจารณาสินค้าคงทนที่ดีที่สุดเพราะพวกเขาควรจะในทางทฤษฎีไม่เคยใส่ออก สินค้าคงทนสูงเช่นตู้เย็น , รถยนต์ , หรือโทรศัพท์มือถือมักจะดำเนินการต่อไปจะมีประโยชน์สำหรับสามปีหรือมากกว่าในการใช้งาน[ 1 ]ดังนั้นสินค้าคงทนมีลักษณะโดยทั่วไปเป็นระยะเวลานานระหว่างการสั่งซื้อต่อเนื่อง
ตัวอย่างของสินค้าคงทนของผู้บริโภครวมถึงรถยนต์, ของใช้ในครัวเรือน ( เครื่องใช้ในบ้าน , อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค , เฟอร์นิเจอร์ , ฯลฯ ), อุปกรณ์กีฬาและของเล่น .
Black market 
                  ตลาดดำ  คือการค้าสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายในตัวเองและ / หรือกระจายผ่านทางช่องทางที่ผิดกฎหมายเช่นการขายของสินค้าที่ถูกขโมยยาเสพติดบางอย่างหรือปืนที่ไม่ได้จดทะเบียน สองประเภทหลักของตลาดสีเทาจะถูกนำเข้าสินค้าที่ผลิตที่ปกติจะใช้งานไม่ได้หรือแพงขึ้นในบางประเทศและหลักทรัพย์ unissued ที่ไม่ได้มีการซื้อขายในตลาดยังอย่างเป็นทางการ บางครั้งคำว่าตลาดที่มืดใช้เพื่ออธิบายความลับ, อลหม่าน (แต่มักจะถูกต้องตามกฎหมายในทางเทคนิค) ในการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์น้ำมันดิบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2008 [ 3 ]นี้จะถือว่าเป็นชนิดที่สามของ"ตลาดสีเทา"เนื่องจากมันถูกต้องตามกฎหมายยัง ระเบียบและอาจจะไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือผู้มีอำนาจอย่างชัดเจนโดยผู้ผลิตน้ำมัน
Gray market goods   
                การตลาดสีเทา    คือ   ตลาดสีเทาหรือตลาดสีเทายังเป็นที่รู้จักในตลาดขนาน[
                 1 ]คือการค้าของสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งในขณะที่กฎหมายเป็นทางการได้รับอนุญาตหรือไม่ได้ตั้งใจโดยผู้ผลิตเดิม ระยะที่เศรษฐกิจสีเทาแต่หมายถึงคนงานการจ่ายเงินใต้โต๊ะโดยไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้หรือส่วนร่วมในการบริการสาธารณะเช่นประกันสังคมและ Medicare
                 [ 2 ]มันเป็นบางครั้งเรียกว่าเป็นเศรษฐกิจใต้ดินหรือ"เศรษฐกิจซ่อน."
Re-export
                คือ  ได้นั้น เป็นสินค้าที่ต้องนำเข้ามาแล้วและไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิตหรือการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือลักษณะใดเพิ่มเติม หรือของที่นำเข้ามาเพื่อเป็นของใช้สิ้นเปลืองสำหรบยานพาหนะที่เดินทางไปต่างประเทศ เช่นน้ำมัน หรือภาชนะที่พ่วงมากับสินค้านำเข้าและต้องส่งกลับประเทศที่ส่งออกมา
โดยปกติ แล้วสินค้านำเข้ามาในประเทศจะถูกจัดเก็บภาษี แต่ถ้าเป็นสินค้าประเภท Re-Export ซึ่งถือว่าเป็นสินค้านำเข้าเช่นกันแต่มีเงื่อนไขแตกต่างกันคือ ถูกส่งออกอีกครั้งนั้น จะมีวิธีการเก็บภาษีอากรแตกต่างกันไป ก่อนอื่นขอกล่าวถึง รูปแบบการเข้ามาของสินค้า Re-Export ว่ามีอยู่ 2 แบบ ดังนี้
                1.แบบในอารักขาของกรมศุลกากร คือ สินค้านำเข้ามาแล้วยังอยู่ในการดูแลของกรมศุลกากร และเมื่อสินค้าหรือของนั้นเข้ามา ผู้นำเข้าพร้อมทำเรื่องแจ้งนำเข้า และส่งออกในเวลาเดียวกัน สินค้า Re-Export แบบนี้จะต้องชำระภาษีอากรไม่เกินราคา 1 ใน 10 โดยคำนวณตามใบขนสินค้าขาออกแต่ละฉบับ (Invoice)แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
                2.แบบนอกอารักขาของกรมศุลกากร คือ เมื่อสินค้าเข้ามาใน
ประเทศก็ชำระภาษีอากรนำเข้าตามปกติแล้ว ต่อมาส่งของนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนไปต่างประเทศ และสามารถมายื่นเรื่องขอคืนภาษีอากรนำเข้าตามอัตราส่วนสินค้านำเข้าที่ส่งออกต่อไป
                การทำ Re-Export สำหรับในกรณีที่ 2 นี้ ต้องอยู่ในข้อบังคับด้วยว่าส่งออกสินค้าหรือวัสดุนั้นไปภายในหนึ่งปีนับแต่วันนำเข้าและต้องขอคืนอากรภายในหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นออกไป ตามมาตรา 19 สำหรับสินค้า Re-Export ตามพระราชบัญญัติศุลกากร
Agribusiness
                ธุรกิจการเกษตร  คือ  หมายถึง  กระบวนการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาขาเกษตรและสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งครอบคลุมถึงการผลิตพืช  การเลี้ยงสัตว์  การเพาะเลี้ยงสัตว์และจับสัตว์น้ำ รวมทั้งการผลิตปัจจัยการผลิตธุรกิจการรวบรวมสินค้าจากเกษตรกร  การแปรรูป  การขายปลีก  การขายส่ง  การเก็บรักษา  การขนส่งสินค้าไปสู่ผู้บริโภค  และผู้ใช้ภายในประเทศและต่างประเทศ  และรวมถึงสินเชื่อ

Delivered at frontier
                คำที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศเช่นการส่งมอบที่ชายแดนเค้าร่างที่ความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการขนส่งของสินค้าที่อยู่ภายใต้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ความหลากหลายของเงื่อนไขที่มีอยู่สำหรับวิธีการต่างๆของการขนส่ง ส่งที่ชายแดนมักใช้เมื่อใช้การขนส่งภาคพื้นดินเช่นรถบรรทุกหรือรถไฟที่จะจัดหาสินค้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักว่าเพราะนี้เป็นคำทางกฎหมาย, ความหมายที่แท้จริงของมันคือความซับซ้อนมากขึ้นและแตกต่างกันไปตามประเทศ มันจะแนะนำให้คุณติดต่อทนายความการค้าระหว่างประเทศก่อนที่จะใช้ระยะเวลาการค้าใด ๆ
Import quota
                คือ  โควต้านำเข้าเป็นประเภทของการกีดกัน ทางการค้าข้อ จำกัดที่กำหนดขีด จำกัด ทางกายภาพเกี่ยวกับปริมาณของที่ดีที่สามารถนำเข้ามาในประเทศในช่วงเวลาที่กำหนด[ 1 ]โควต้าเช่นเดียวกับข้อ จำกัด ทางการค้าอื่น ๆ จะถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ ผู้ผลิตที่ดีในเศรษฐกิจภายในประเทศที่ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคทั้งหมดของดีในทางเศรษฐกิจที่
โควต้านักวิจารณ์กล่าวมักนำไปสู่​​ความเสียหาย (สินบนที่จะได้รับการจัดสรรโควต้า), การลักลอบขน (circumventing โควต้า) และราคาที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค
                ในทางเศรษฐศาสตร์, โควต้ามีความคิดที่จะน้อยกว่าทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพกว่าภาษีซึ่งจะมีการเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าการค้าเสรี .

Embargo
                การห้ามส่งสินค้า คือ  การห้ามไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งทำการติดต่อค้าขายโดยการส่งสินค้าไปขายหรือสั่งซื้อสินค้า  โดยถือว่าประเทศนั้นเป็นศัตรูของตน  คำสั่งห้ามส่งสินค้านี้ส่วนใหญ่จะใช้ในภาวะของสงครามและการกระทำกับประเทศคู่สงครามและการกระทำกับประเทศคู่สงครามหรือบางครั้งมีคำสั่งในช่วงภาวะปกติไม่ใช่สงคราม  เป็นภาวะชั่วคราวปกติไม่ใช่สงคราม  เป็นภาวะชั่วคราวของการกีดกันทางการค้าดพื่อหวังผลกดดันทางการเมือง

Foreign direct investment (FDI)
                คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( FDI ) หรือการลงทุนต่างประเทศหมายถึงเงินทุนไหลเข้าสุทธิจากการลงทุนที่จะได้รับความสนใจการจัดการที่ยั่งยืน (ร้อยละ 10 หรือมากกว่าของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง) ในการดำเนินงานขององค์กรในทางเศรษฐกิจอื่น ๆ กว่าที่ของผู้ลงทุน[ 1 ]มันเป็น ผลรวมของทุน, การลงทุนใหม่ของรายได้ของเงินทุนระยะยาวอื่นและเงินทุนระยะสั้นตามที่แสดงในที่สมดุลของการชำระเงิน . มันมักจะเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการจัดการ , ร่วมทุน , การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญ . ขาเข้าโดยตรงจากต่างประเทศมีสองประเภทของการลงทุนโดยตรงจะมีการลงทุนและขาออกการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศส่งผลให้กำไรสุทธิ FDI ที่ไหลเข้ามา (บวกหรือลบ) และ"สต็อกของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ"ซึ่งเป็นจำนวนที่สะสมสำหรับช่วงเวลาที่กำหนด ไม่รวมการลงทุนโดยตรงจากการลงทุนผ่านการซื้อหุ้น . [ 2 ] FDI เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเคลื่อนย้าย


consumer goods เครื่องอุปโภค. [สินค้าประเภทบริโภคภัณฑ์เพื่อสนองความต้องการ ของมนุษย์ เช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และไม่ใช้ต่อไปในการผลิตสินค้าอื่น]
th.w3dictionary.org/index.php?q=consumer+good

Import licence
  คือ ใบอนุญาตนำเข้าเป็นเอกสารที่ออกโดยรัฐบาลแห่งชาติอนุญาตการนำเข้าสินค้าบางอย่างลงในอาณาเขตของตน ใบอนุญาตนำเข้าจะถือว่าเป็นอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีการค้าเมื่อนำมาใช้เป็นวิธีการเลือกปฏิบัติต่อสินค้าของประเทศอื่นเพื่อที่จะปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากการแข่งขันต่างประเทศ ใบอนุญาตแต่ละระบุปริมาณการนำเข้าที่ได้รับอนุญาตและการอนุญาตให้ใช้ปริมาณทั้งหมดไม่ควรเกินโควต้า . ใบอนุญาตสามารถขายให้กับ บริษัท นำเข้าในราคาที่แข่งขันหรือเพียงแค่ค่าใช้จ่าย แต่ก็เป็นที่ถกเถียงกันว่าวิธีการจัดสรรให้แรงจูงใจในการวิ่งเต้นทางการเมืองและการติดสินบน รัฐบาลอาจจะใส่ข้อ จำกัด บางประการเกี่ยวกับสิ่งที่จะนำเข้าเช่นเดียวกับจำนวนของสินค้าที่นำเข้าและ services.Eg หากธุรกิจมีความประสงค์จะนำเข้าสินค้าทางการเกษตรเช่นผักแล้วรัฐบาลอาจจะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการนำเข้าดังกล่าวของตลาดในประเทศและ จึงนำข้อ จำกัด
Primary commodity
   คือ  สิ่งใดๆ  ที่สามารถนำเสนอขายให้แก่ตลาดเพื่อให้เกิดความพอใจ ความต้องการเป็นของเจ้าของ  เรียกให้มีการซื้อ  การใช้  หรือการบริโภค  ซึ่งเป็นสิ่งที่ (อาจจะ) ตอบสนองความต้องการและความจำเป็นของผู้ซื้อให้ได้รับความพอใจ
 

ศัพท์ที่ควรรู้ certificate of origin :co

ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า

อีเมล พิมพ์ PDF
หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin : CO) คือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานที่มีอำนาจตามที่ระบุไว้ในแต่ละความตกลงของประเทศสมาชิกภาคีผู้ส่งออก(ผู้ผลิต) เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการได้ถิ่นกำเนิดของสินค้าที่ส่งมาจากประเทศสมาชิกภาคีผู้ส่งออก(ผู้ผลิต) ซึ่งจะนำมาใช้เป็นหลักฐานเพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรในประเทศสมาชิกภาคีผู้นำเข้า
ผู้นำเข้าควรตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ตามเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปตามข้อตกลงของเขตการค้าเสรีแต่ละฉบับ ก่อนนำมาแสดงต่อกรมศุลกากร

ประเภทของหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทั่วไป (Ordinary Certificate of Origin) และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ (Preferential Certificate of Origin)
1.    หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทั่วไป (Ordinary Certificate of Origin) คือเอกสารที่ใช้เพื่อยืนยันกับผู้ซื้อว่า สินค้าที่ส่งออกไปนั้น ประกอบด้วยวัตถุดิบภายในประเทศ มีการผลิต หรือผ่านขั้นตอนกระบวนการผลิตภายในประเทศไทย
2.    หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ (Preferential Certificate of Origin) คือเอกสารที่ใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ โดยทำให้ผู้ซื้อสามารถมีสิทธิพิเศษทางภาษีอากร ในการนำเข้าสินค้านั้นๆ ตามหลักเกณฑ์เงื่อนๆไขของแต่ละความตกลง ดังนี้
1)    ฟอร์ม A (Certificate of Origin Form A) ออกให้สำหรับสินค้านำเข้าที่ได้สิทธิ์ อัตราภาษีพิเศษ ตามเงื่อนไข GSP ที่อนุญาตโดยกลุ่มประเทศ และประเทศต่างๆ อาทิ สหภาพยุโรป (EU), สวิตเซอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, แคนาดา, นอร์เวย์ เป็นต้น
2)    ฟอร์ม FTA (Certificate of Origin Form FTA) ออกให้สำหรับสินค้านำเข้าที่ได้สิทธิพิเศษทางภาษีอากรตามเงื่อนไขของข้อตกลงเขตการค้าเสรี ปัจจุบันประเทศไทยมีเขตการค้าเสรีที่มีผลบังคับใช้แล้ว 7 เขตการค้าเสรี ได้แก่ เขตการค้าเสรีอาเซียน  เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน   เขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย เขตการค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ เขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย เขตการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น และเขตการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่น ในการนำเข้าโดยขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีอากรภายใต้เขตการค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ไม่ต้องนำหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดมาแสดงแต่ให้รับรองการได้ถิ่นกำเนิดของสินค้าในบัญชีราคาสินค้า (invoice) หรือเอกสารกำกับสินค้าอื่นใด สำหรับบางเขตการค้าเสรีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าจะมีชื่อเรียกเฉพาะดังนี้
เขตการค้าเสรีอาเซียน หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เรียกว่า ฟอร์ม ดี
เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เรียกว่า ฟอร์ม อี
เขตการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่นหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เรียกว่า ฟอร์ม เอเจ

3)    ฟอร์ม GSTP (Certificate of Origin Form GSTP)ออกให้สำหรับสินค้านำเข้าที่ได้สิทธิพิเศษทางภาษีอากรตาม จาก 40 ประเทศกำลังพัฒนา อาทิ แอลจีเรีย, อาร์เจนตินา, บังกลาเทศ, โบลิเวีย, บราซิล, แคเมอรูน, ชิลี และ คิวบา เป็นต้น
4)    ฟอร์ม AISP (Certificate of Origin Form FTA AISP) กัมพูชา  ลาว พม่าเป็นผู้ออกฟอร์มนี้ เพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีอากรสำหรับสินค้าที่นำเข้าประเทศไทย

การขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
กรมศุลกากร ไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า สำหรับผู้ที่ต้องการขอหนังสือดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่
•    กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
•    หอการค้าไทย และ
•    สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบพิเศษ (Preferential Certificate of Origin) โดยสำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ สำนักบริการการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 02-547-4753, 02-547-4832

http://www.customsclinic.org/index.php?option=com_content&view=article&id=169&Itemid=174&lang=th

หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า

      ในสถานการณ์การค้าโลกในยุคปัจจุบันซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากบรรยากาศการค้ามีแนวโน้มไปสู่ระบบการค้าเสรีมากขึ้นภาวะการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศทวีความเข้มข้น    ยิ่งขึ้น ประเทศต่าง ๆ ได้ปรับปรุงรูปแบบทางการค้าและใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษีมาปกป้องผลประโยชน์ของตน เช่น มาตรการด้านสุขอนามัยพืชและสัตว์ มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาด และการอุดหนุน ปัญหาการค้าระหว่างประเทศจึงเกิดขึ้นมากมาย การพิสูจน์ความรับผิดชอบ หรือการหาข้อยุติข้อพิพาททางการค้า จึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ และเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยบ่งชี้ผู้รับผิดชอบ คือ “หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า” (Certificate of Origin) เนื่องจากเป็นหนังสือรับรองฯ ที่แสดงว่า สินค้านั้น ๆ มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศใด นอกจากนี้หนังสือรับรองแหล่งกำเนิด ยังมีประโยชน์ในการขอรับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร จากประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษรวม ทั้งสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการขยายตลาดการค้า และสร้างอำนาจต่อรองด้านราคาได้อีกทางหนึ่ง

หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า   แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.   หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร คือ หนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อรับรองว่าสินค้าที่ระบุในหนังสือรับรองฯ ผลิตถูกต้องตามกฏว่าด้วย แหล่งกำเนิดสินค้าและตามเงื่อนไขภายใต้ระบบสิทธิพิเศษของประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษฯ ซึ่งจะได้รับสิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีนำเข้าของประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษฯ ได้แก่
     1.1   หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า แบบเอ (Certificate of Origin Form A)   เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร เป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) โดยจะได้รับสิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีขาเข้า สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศผู้ให้สิทธิพิเศษฯ GSP ได้แก่ สหภาพยุโรป แคนาดา ญี่ปุ่น นอรเวย์ สวิตเซอร์แลนด์ บัลแกเรีย โปแลนด์ ฮังการี สาธารณรัฐเชค สาธารณรัฐสโลวัค และสหพันธรัฐรัสเซีย
     1.2   หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า แบบดี (Certificate of Origin Form D) เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษตามความตกลง ว่าด้วยการใช้อัตราภาษีศุลกากรพิเศษ ที่เท่ากัน (Common Effective Preferential Tariff : CEPT) สำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน (Asean Free Trade Area : AFTA) ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา
     1.3   หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า แบบ จี.เอส.ที.พี (Certificate of Origin Form GSTP) เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษภายใต้ระบบการ      แลกเปลี่ยนสิทธิพิเศษทางการค้าระหว่างประเทศกำลังพัฒนา (Global System of Trade Preferences : GSTP) ได้แก่ แอลจีเรีย อังโกลา อาร์เจนตินา บังกลาเทศ เบนิน โบลิเวีย บราซิล แคเมอรูน ชิลี โคลัมเบีย คิวบา สาธารณัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เอกวาดอร์ อิยิปต์ กานา กีเนีย กายอานา ไฮติ อินเดีย   อินโดนีเซีย อิหร่าน อิรัก ลิเบีย มาเลเซีย เม็กซิโก โมร็อคโค โมซัมบิค นิการากัว ไนจีเรีย ปากีสถาน เปรู ฟิลิปปินส์ การ์ตา สาธารณรัฐเกาหลี โรมาเนีย สิงคโปร์ ศรีลังกา ซูดาน แทนซาเนีย ประเทศไทย   ตรินิแดดและโตเบโก ตูนิเซีย อุรุกวัย เวเนซูเอล่า เวียดนาม ยูโกสลาเวีย ซาอีร์ และซิมบับเว

     1.4   หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับสินค้าหัตถกรรม (Certificate in Regard to Certain Handicraft Products) เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออก สำหรับสินค้าหัตถกรรมตามรายการที่กำหนดไว้ในระเบียบการให้สิทธิพิเศษทางการค้าของสหภาพยุโรปซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีขาเข้า
     1.5   หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับสินค้าผ้าไหมและผ้าฝ้ายทอด้วยมือ (Certificate Relating to Silk or Cotton Handloom Products) เป็นหนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกสำหรับสินค้าผ้าไหมและผ้าฝ้ายที่ทอด้วยมือตามระเบียบการให้สิทธิพิเศษทางการค้าของสหภาพยุโรป ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีขาเข้า

2.   หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร คือ หนังสือรับรองฯ ที่ออกให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อรับรองว่าสินค้าที่ระบุในหนังสือรับรองฯ มีแหล่งกำเนิดจากประเทศ   ผู้ออกหนังสือรับรองฯ จริงและใช้เป็นเอกสารประกอบการนำเข้าตามระเบียบการนำเข้าของประเทศปลายทางหรือตามเงื่อนไขของผู้นำเข้าเท่านั้น ไม่สามารถใช้เพื่อขอรับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร  ได้แก่ หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าทั่วไป (Certificate of Origin : Form C/O ทั่วไป)
http://www.dft.moc.go.th/the_files/$$14/level3/certificate.htm

Bill of lading

Bill of lading

From Wikipedia, the free encyclopedia
Jump to: navigation, search
A bill of lading (BL - sometimes referred to as BOL or B/L) is a document issued by a carrier to a shipper, acknowledging that non specified goods have been received on board as cargo for conveyance to a named place for delivery to the consignee who is usually identified. A through bill of lading involves the use of at least two different modes of transport from road, rail, air, and sea. The term derives from the verb "to lade" which means to load[clarification needed] a cargo onto a ship or other form of transportation.[1]
A bill of lading can be used as a traded object. The standard short form bill of lading is evidence of the contract of carriage of goods and it serves a number of purposes:
  • It is evidence that a valid contract of carriage, or a chartering contract, exists, and it may incorporate the full terms of the contract between the consignor and the carrier by reference (i.e. the short form simply refers to the main contract as an existing document, whereas the long form of a bill of lading (connaissement intégral) issued by the carrier sets out all the terms of the contract of carriage;
  • It is a receipt signed by the carrier confirming whether goods matching the contract description have been received in good condition (a bill will be described as clean if the goods have been received on board in apparent good condition and stowed ready for transport); and
  • It is also a document of transfer, being freely transferable but not a negotiable instrument in the legal sense, i.e. it governs all the legal aspects of physical carriage, and, like a cheque or other negotiable instrument, it may be endorsed affecting ownership of the goods actually being carried. This matches everyday experience in that the contract a person might make with a commercial carrier like FedEx for mostly airway parcels, is separate from any contract for the sale of the goods to be carried; however, it binds the carrier to its terms, irrespectively of who the actual holder of the B/L, and owner of the goods, may be at a specific moment.
The BL must contain the following information:
  • Name of the shipping company;
  • Flag of nationality;
  • Shipper's name;
  • Order and notify party;
  • Description of goods;
  • Gross/net/tare weight; and
  • Freight rate/measurements and weighment of goods/total freight
While an air waybill (AWB) must have the name and address of the consignee, a BL may be consigned to the order of the shipper. Where the word order appears in the consignee box, the shipper may endorse it in blank or to a named transferee. A BL endorsed in blank is transferable by delivery. Once the goods arrive at the destination they will be released to the bearer or the endorsee of the original bill of lading. The carrier's duty is to deliver goods to the first person who presents any one of the original BL. The carrier need not require all originals to be submitted before delivery. It is therefore essential that the exporter retains control over the full set of the originals until payment is effected or a bill of exchange is accepted or some other assurance for payment has been made to him. In general, the importer's name is not shown as consignee. The bill of lading has also provision for incorporating notify party. This is the person whom the shipping company will notify on arrival of the goods at destination. The BL also contains other details such as the name of the carrying vessel and its flag of nationality, the marks and numbers on the packages in which the goods are packed, a brief description of the goods, the number of packages, their weight and measurement, whether freight costs have been paid or whether payment of freight is due on arrival at the destination. The particulars of the container in which goods are stuffed are also mentioned in case of containerised cargo. The document is dated and signed by the carrier or its agent. The date of the BL is deemed to be the date of shipment. If the date on which the goods are loaded on board is different from the date of the bill of lading then the actual date of loading on board will be evidenced by a notation the BL. In certain cases a carrier may issue a separate on board certificate to the shipper.

ใบตราส่งสินค้า
  • เป็นตราสารที่ผู้รับขนสินค้าออกให้แก่ผู้ส่งสินค้า เพื่อแสดงว่าได้มีการรับสินค้าเพื่อนำส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ผู้ส่งสินค้ากำหนด ใบตราส่งสินค้ามีหลายชนิด เช่น
  • ใบตราส่งสินค้าทางทะเลเรียกว่า Ocean Bill of Lading ซึ่งมีลักษณะปลีกย่อยดังนี้ ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่า Multimodal Transport Document หรือ Combine Transportation Bill of Lading
  • ใช้ในการขนส่งที่ผู้รับสินค้าไม่ต้องนำต้นฉบับใบตราส่งไปขอรับสินค้า ซึ่งในทางปฏิบัติผู้รับสินค้าสามารถใช้สำเนาใบตราส่งไปขอรับใบสั่งปล่อยจากตัวแทนเรือได้ เรียกว่า Seaway Bill หรือ Express Bill ใบตราส่งประเภทนี้ผู้รับตราส่งจะต้องเป็นผู้นำเข้าโดยตรง และความรับผิดชอบของผู้รับขนส่งมีน้อยกว่าใบตราส่งประเภทอื่น
  • ใบตราส่งสินค้าทางอากาศเรียกว่า Air Way Bill
  • ใบตราส่งสินค้าทางรถไฟ เรียกว่า Railway Bill ใบตราส่งสินค้าที่สำคัญได้แก่

ใบตราส่งสินค้าทางเรือ (Bill of Lading)
ใบตราส่งสินค้าทางเรือเป็นเอกสารที่มีคุณลักษณะ 3 ประการ คือ
  • เป็นใบรับสินค้าที่ออกให้โดยสายเดินเรือหรือตัวแทนสายเดินเรือ ที่มีรายละเอียดของสินค้าที่จะทำการขนส่ง
  • เป็นสัญญาการขนส่งระหว่างผู้ส่งสินค้ากับผู้รับขนส่งสินค้า ว่าผู้รับขนส่งจะส่งสินค้าไปยังเมืองท่าปลายทางและจะส่งมอบให้แก่ผู้รับที่ผู้ส่งสินค้าได้ระบุไว้
  • เป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในสินค้าที่ขนส่งที่เปลี่ยนมือได้ (Negotiable) ของผู้ทรงสิทธิ์ ซึ่งผู้ทรงสิทธิ์จะใช้ในการขอรับสินค้าที่ท่าเรือปลายทาง หรือจะใช้ในการขายต่อสินค้าให้กับผู้รับซื้อช่วงในระหว่างการขนส่งก็ได้


ข้อความที่สำคัญในใบตราส่งสินค้าทางเรือมีดังนี้
ภาพ:ซื้อขาย.GIF
  • ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Way Bill)
        ใบตราส่งสินค้าทางอากาศเป็นเพียงใบรับสินค้าและสัญญาการขนส่งเท่านั้น


ข้อความที่สำคัญในใบตราส่งสินค้าทางอากาศมีดังนี้


ภาพ:ใบตรา.GIF
  • ใบตราส่งสินค้าที่ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน
        ใบตราส่งสินค้าที่ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่า Multimodal Transport Bill of Lading ใช้สำหรับการขนส่งที่รวมรูปแบบหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เช่น ขนส่งโดยรถยนต์ไปต่อเรือเดินสมุทรแล้วไปต่อเครื่องบินอีกทอดหนึ่งเป็นต้น ใบตราส่งสินค้าแบบ Multimodal Transport Bill of Lading มีรายละเอียดเหมือนกันกับใบตราส่งสินค้าทางทะเลเกือบทั้งหมด
ข้อความที่สำคัญในใบตราส่งสินค้าแบบ Multimodal Transport Bill of Lading มีดังนี้


ภาพ:ขาย.GIF

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Bill of Exchange

billof exchange

ตั๋วแลกเงิน (Bill of exchange) คือ ตราสารการเงินระยะสั้น ที่บุคคลรายหนึ่งสั่งให้บุคคลอีกรายหนึ่ง จ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในตั๋วแลกเงินนั้น ให้แก่บุคคลอีกรายหนึ่ง ในวันที่กำหนดบนหน้าตั๋วแลกเงินนั้น ตั๋วแลกเงินสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ในตลาดเงิน (money market) ส่วนใหญ่จะมีธนาคารหรือสถาบันการเงินค้ำประกัน หรือรับรอง หรือรับอาวัล หรือสลักหลังอย่างไม่มีเงื่อนไข ตั๋วเงินชนิดหนึ่งเป็นตราสารแสดงสิทธิในหนี้ มักใช้ในการซื้อขายสินค้าหรือกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคาร โดยทั่วไปสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้



Bill of exchange
A bill of exchange or "draft" is a written order by the drawer to the drawee to pay money to the payee. A common type of bill of exchange is the cheque (check in American English), defined as a bill of exchange drawn on a banker and payable on demand. Bills of exchange are used primarily in international trade, and are written orders by one person to his bank to pay the bearer a specific sum on a specific date. Prior to the advent of paper currency, bills of exchange were a common means of exchange. They are not used as often today.

Bill of exchange, 1933
A bill of exchange is an unconditional order in writing addressed by one person to another, signed by the person giving it, requiring the person to whom it is addressed to pay on demand or at fixed or determinable future time a sum certain in money to order or to bearer. (Sec.126)
It is essentially an order made by one person to another to pay money to a third person.
A bill of exchange requires in its inception three parties—the drawer, the drawee, and the payee.
The person who draws the bill is called the drawer. He gives the order to pay money to the third party. The party upon whom the bill is drawn is called the drawee. He is the person to whom the bill is addressed and who is ordered to pay. He becomes an acceptor when he indicates his willingness to pay the bill. (Sec.62) The party in whose favor the bill is drawn or is payable is called the payee.
The parties need not all be distinct persons. Thus, the drawer may draw on himself payable to his own order. (see Sec. 8)
A bill of exchange may be endorsed by the payee in favour of a third party, who may in turn endorse it to a fourth, and so on indefinitely. The "holder in due course" may claim the amount of the bill against the drawee and all previous endorsers, regardless of any counterclaims that may have disabled the previous payee or endorser from doing so. This is what is meant by saying that a bill is negotiable.
In some cases a bill is marked "not negotiable" – see crossing of cheques. In that case it can still be transferred to a third party, but the third party can have no better right than the transferor.

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

L/C

-> Documents Used in Import – Export <-

Letter of Credit (L/C)
         
There are many methods of payment used in international transactions. Some methods of payment widely used are as follows;
  • Payment in Advance
  • Open Account
  • Cash on Delivery
  • Countertrade
  • Bill for Collection
  • Letter of Credit

A letter of credit is the payment method in which the exporter bears less risk than most of the other types of payment methods. A letter of credit is a written promise to pay. There are several kinds of letters of credit. The most frequently used in international trade is the confirmed irrevocable letter of credit which is a promise of payment that cannot be cancelled without the consent of all parties concerned: banks, the importer and the exporter. This type is considered to be the safest method of payment for the exporter and also for the importer. The exporter can be certain to get payment for the consignment he dispatched and the importer can be sure that he will get goods in time.

          The procedure for payment by a letter of credit is as follows:

Step One:
The importer applies to one of his/her local bank to open an L/C in the exporter’s favor. Then this bank is the issuing bank.

Step Two:
The issuing bank contacts a bank in the exporter’s country. This bank is the advising bank. It is told by the issuing bank that a credit has been opened for the exporter. Then the advising bank notifies the exporter of the letter of credit. The letter of credit lists documents the exporter must give to his bank (advising bank) before he can get paid.
          Usually the required documents for the exporter to get paid are;
  • Bill of Lading
  • Insurance Certificate
  • Commercial Invoice
Sometimes some other documents such as the following are also required;
  • Certificate of Origin
  • Certificate of Quality

Step Three:
The exporter sends the consignment to the importer. The exporter has to be careful about delivery time. The goods must be dispatched before the letter of credit expires.

Step Four:
          The exporter submits all the required documents (mentioned in Step Two) to the advising bank, depending on the situation. Generally, these documents indicate that the consignment is on the way to the importer.

Step Five:
          The advising bank examines the documents against the letter of credit. If they meet the requirements of the letter of credit, the bank will pay the exporter, according to the terms of the letter of credit.

Step Six:
          The advising bank which receives the documents from the exporter sends the documents to the issuing bank.

Step Seven:
          The issuing banks checks the documents. If the documents are all right, the issuing bank sends the payment as the reimbursement to the advising bank which has paid the exporter.

Step Eight:
          The issuing bank debits the importer’s account for the amount paid to the advising bank.

Step Nine:
          The issuing bank releases the documents to the importer.

Step Ten:
          The importer forwards the transport documents to the agent or the local office of the carrier.

Step Eleven:
          The importer can claim the consignment from the port of discharge.